ประวัติความเป็นมา

        คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏชียงราย เดิมมีสถานะเป็นโปรแกรมวิชานิติศาสตร์ สังกัดคณะ มนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ต่อมาคณะสังคมศาสตร์ ได้แยกโครงสร้างจากคณะมนุษยศาสตร์ โปรแกรมวิชานิติศาสตร์จึงได้ย้ายมาสังกัดคณะสังคมศาสตร์ จากนั้นได้มีการแยกโครงสร้างการบริหารงานเป็นสำนักวิชากฎหมาย โดยมติสภามหาวิทยาลัย ซึ่งมีผลตั้งแต่ปี 2554 เป็นต้นมา

        คณะนิติศาสตร์ เดิมชื่อสำนักวิชากฎหมาย ได้ขออนุมัติเปลี่ยนชื่อจากสำนักวิชากฎหมาย เป็น สำนักวิชานิติศาสตร์ เพื่อความเป็นสากล โดยได้รับความเห็นชอบและอนุมัติเปลี่ยนชื่อเป็นสำนักวิชานิติศาสตร์จากสภามหาวิทยาลัยฯ เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2558 ซึ่งต่อมาในเดือนกุมภาพันธ์ 2566 สภามหาวิทยาลัยฯได้ให้ความเห็นชอบและอนุมัติเปลี่ยนชื่ออีกครั้งหนึ่งเป็น “คณะนิติศาสตร์” เปิดสอนนักศึกษารุ่นที่ 1 ในปีการศึกษา 2543 นับจนถึงปัจจุบันเป็นระยะเวลา ประมาณ 23 ปี ซึ่งในขณะที่เปิดสอนได้ใช้หลักสูตรการสอนกลางของสถาบันราชภัฏ โดยเป็นสถาบันแรก ๆ ที่เปิดสอนในสาขาวิชานิติศาสตร์ และได้รับการรับรองจากสานักอบรมศึกษาแห่งเนติบัณฑิตยสภา ในวันที่ 17 มิถุนายน 2547 เป็นต้นมา และมีนักศึกษาสาเร็จการศึกษารุ่นที่ 1 ในปีการศึกษา 2546

ได้ทำการปรับปรุงหลักสูตรให้สอดคล้องกับสำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติ บัณฑิตยสภาปี พ.ศ. 2547 และได้รับการรับรองมาตรฐานการจัดการศึกษาจากสภาทนายความแห่งประเทศไทย จนกระทั่งได้มีการปรับปรุงหลักสูตรครั้งที่ 2 เพื่อนามาใช้ในการจัดการเรียนการสอนในปีการศึกษา 2549

        ในปี พ.ศ. 2554 ได้ทาการปรับปรุงหลักสูตรอีกครั้ง เนื่องจากครบรอบการปรับปรุงหลักสูตรตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิฯ โดยผ่านความเห็นชอบจากสภาวิชาการในการประชุมครั้งที่ 7/2553 วันที่ 15 ธ.ค. 2553 ผ่านความเห็นชอบจากสภามหาวิทยาลัยในการประชุมครั้งที่ 3/2554 วันที่ 26 มี.ค. 2554 สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษารับทราบการให้ความเห็นชอบหลักสูตรเมื่อวันที่ 16 มิ.ย. 2554 และได้นามาใช้ จัดการเรียนการสอนในปีการศึกษา 2554 จนถึงปีการศึกษา 2558 (หลักสูตรนิติศาสตรบัณฑิต หลักสูตร ปรับปรุงพุทธศักราช 2554)

        ในปี พ.ศ. 2559 ได้ทาการปรับปรุงหลักสูตรอีกครั้ง เนื่องจากครบรอบการปรับปรุงหลักสูตรตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิฯ โดยผ่านความเห็นชอบจากสภาวิชาการในการประชุมครั้งที่ 2/2559 วันที่ 8 เม.ย. 2559 ผ่านความเห็นชอบจากสภามหาวิทยาลัยในการประชุมครั้งที่ 3/2559 วันที่ 22 เม.ย. 2559 สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษารับทราบการให้ความเห็นชอบหลักสูตรเมื่อวันที่ 28 มิ.ย. 2559 และได้นามาใช้ จัดการเรียนการสอนในปีการศึกษา 2559 ถึงปีการศึกษา 2562 (หลักสูตรนิติศาสตรบัณฑิต หลักสูตรปรับปรุง พุทธศักราช 2559)

        โดยในปี พ.ศ. 2562 - 2563 คณะนิติศาสตร์ได้ดำเนินโครงการวิพากษ์หลักสูตร และจัดประชุมอย่างต่อเนื่องเพื่อนำข้อมูลที่ได้รับมาพัฒนาปรับปรุงหลักสูตรนิติศาสตรบัณฑิตให้สอดกับความเปลี่ยนแปลงทางสังคม เนื่องจากหลักสูตรนิติศาสตรบัณฑิตจะครบรอบในการปรับปรุงหลักสูตรในปี พ.ศ. 2563 โดยในการ ปรับปรุงหลักสูตร ฯ ครั้งนี้ มีการปรับเนื้อหารายวิชาให้มีความทันสมัย รองรับต่อสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจ สังคม และเทคโนโลยี สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงานและผู้ใช้บัณฑิต ที่สะท้อนผ่านกระบวนการ ทวนสอบสัมฤทธิ์ผลการเรียนของผู้เรียนและการสารวจความพึงพอใจของผู้ใช้บัณฑิต เพิ่มทักษะด้าน กระบวนการคิด วิเคราะห์ สามารถนาไปปรับใช้ในการแก้ปัญหาได้อย่างถูกต้องเหมาะสม ปรับหลักสูตรโดยจัด กระบวนการเรียนการสอนได้สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ชาติและพระราโชบายที่กาหนดให้การศึกษาต้องมุ่ง สร้างพื้นฐานให้แก่ผู้เรียน 4 ด้าน คือ 1. มีทัศนคติที่ถูกต้องต่อบ้านเมือง 2. มีพื้นฐานชีวิตที่มั่นคง - มีคุณธรรม 3. มีงานทา - มีอาชีพ และ 4. เป็นพลเมืองที่ดี รวมถึงปรับหลักสูตรให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์มหาวิทยาลัย ราชภัฏเชียงรายโดยเน้นการเรียนการสอนที่เพิ่มทักษะการปฏิบัติเพื่อให้บัณฑิตมีความพร้อมเข้าสู่ ตลาดแรงงาน หลักสูตรเป็นไปตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2552 (TQF) ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง มาตรฐานคุณวุฒิระดับปริญญาตรี สาขาวิชานิติศาสตร์ พ.ศ. 2561 และ เกณฑ์มาตรฐานหลักสูตรระดับปริญญาตรี ปี พ.ศ. 2558 ผ่านความเห็นชอบจากสภามหาวิทยาลัยในการประชุมครั้งที่ 4/2563 ในวันที่ 25 พ.ค. 2563 และได้นำมาใช้จัดการเรียนการสอนในภาคการศึกษาที่ 1/2563 เป็นต้นมา

        ปัจจุบันมีบัณฑิตสำเร็จการศึกษาแล้วประมาณ 20 รุ่น มีบัณฑิตที่ประสบความสำเร็จในการประกอบ อาชีพกฎหมายมากมาย อาทิ ผู้พิพากษา อัยการ ตำรวจ ปลัดอำเภอ ทหารบก ทหารเรือ ครู อาจารย์ นักวิชาการ เจ้าพนักงานที่ดิน เจ้าพนักงานบังคับคดี ทนายความ นิติกรของหน่วยงานราชการและเอกชน เป็นต้น อันเป็นการแสดงถึงคุณภาพในการจัดการศึกษาของคณะนิติศาสตร์ อีกทั้งบัณฑิตนิติศาสตร์ได้สร้างชื่อเสียง ให้กับมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย จนเป็นที่ยอมรับ